มหาพรหมราชินี
1 ในพันธุ์ไม้ชั้นสูง จัดเป็นมหาพรหมที่มี่ดอกมีขนาดใหญ่ที่สุด และโดดเด่นที่สุด เมื่อเปรียบเทียบกับดอกไม้ในสกุลมหาพรหม แต่ละดอกบานอยู่ได้ 3-5 วัน ดอกมีกลิ่นหอมชื่นใจ หอมมากๆ เวลาออกดอกสะพรั่งสวยงามมาก ยิ่งต้นอายุมากดอกยิ่งอลังการ ทำเอาเหล่าบรรดาคนรักต้นไม้ต่างพากันเสาะแสวงหาและอยากได้มาครอบครอง กว่าจะได้มายากมากเพราะเป็นที่ต้องการสูง
สำหรับพันธุ์นี้ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี พันปีหลวง พระราชทานนามพรรณไม้ชนิดนี้ เมื่อครั้นเป็นพันธุ์ไม้ใหม่ของโลก ค้นพบโดยสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) เมื่อปี 2549 ว่า มหาพรหมราชินี (Mitrephora sirikitiae Weersooriya, Chalermglin & R.M.K. Saunders) เป็นพรรณไม้วงศ์กระดังงา สูงประมาณ 4-6 เมตร ลำต้นมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 5-8 ซม. มีสีน้ำตาล กิ่งอ่อนจะมีขนอ่อนปกคลุมอยู่ ใบเป็นรูปหอก กว้าง 4-9 ซม. ยาว 11-19 ซม. เนื้อใบหนา ผิวใบเรียบเป็นมันทั้งสองด้าน โคนใบ และปลายใบแหลมมีแขนงใบ 8-11 คู่ดอก มีลักษณะเป็นดอกเดี่ยวหรือเป็นช่อ 1-3 ดอก บานเต็มที่วัดขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 10 ซม. ก้านดอกยาว 1.8-2.7 ซม. กลีบเลี้ยงมี 3 กลีบ รูปไข่กว้าง 2 ซม. ยาว 1.5 ซม. ส่วนกลีบดอกมี 6 กลีบ เรียงเป็น 2 ชั้น ชั้นละ 3 กลีบ กลีบดอกชั้นนอกเป็นรูปไข่ กว้าง 4.1-5.3 ซม. โคนกลีบบาน ปลายกลีบเรียวแหลมกลีบบางสีขาวมีลายเส้นเรียงตามความยาว ของใบ กลีบดอกชั้นในกว้าง 3.6-4.1 ซม. ยาว 3.7-4.3 ซม. โคนกลีบสีเขียวอ่อน ปลายกลีบสีม่วงเข้ม กระดกงอขึ้นและประกบติดกันเป็นรูปกระเช้า ดอกออกตามกิ่งระแนง หน้าดอกคว่ำลงดิน ขนาดดอกใหญ่ที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับดอกไม้ในสกุลมหาพรหม แต่ละดอกบานอยู่ได้ 3-5 วัน กลิ่นหอม ดอกบานสามารถออกดอกได้ ตลอดปี แต่จะมีดอกมากพิเศษถึงเต็มต้นในช่วงเดือนพฤษภาคม