หว้ายักษ์ด่าง
หว้ายักษ์ด่าง หรือต้น ชมพูใบด่าง
แค่ใบก็สวยสะกด ใครเห็นเป็นต้องหลง ท่านที่เป็นนักสะสมไม้ด่างไม่ควรพลาด
ต้นหว้า เป็นต้นไม้ในตำนานเล่าขาน บันทึกในคัมภีร์พุทธประวัติ ภาษาบาลีสันสกฤต ว่า พระพุทธเจ้า เมื่อครั้งยังพระชนม์เพียง 7 พรรษา ได้เสด็จตามพระเจ้าสุทโธทนะ พระราชบิดา ไปพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ได้ประทับหลบร้อนใต้ต้น “ชมพู” ก็คือ “ต้นหว้า” นั่นเอง เป็นพุ่มไม้ที่มีความดกหนากำบังแสงแดด ความร้อนได้ตลอดทั้งวัน ไม่ว่าดวงตะวันจะเคลื่อนคล้อยเปลี่ยนทิศเปลี่ยนเวลาไป อย่างไรก็ตาม เช้า สาย เที่ยง บ่าย เย็น ยังมีร่มเงาใต้ต้นที่ร่มรื่นอยู่เช่นนั้น เนื่องเพราะขณะพระองค์ประทับนั่งสมาธิใต้ร่มต้นหว้า หรือต้นชมพู จนเกิดความวิเวก กำหนดลมหายใจเข้า หายใจออก บรรลุปฐมญาณ เกิดปาฏิหาริย์ เงาตะวันไม่เคลื่อนที่ จนพระเจ้าสุทโธทนะ ก้มกราบพระราชบุตร ณ กาลเวลานั้น ด้วยความศรัทธา ต้นหว้า หรือต้นชมพู คือที่มาของคำว่า “ชมพูทวีป” ดินแดนภารตะที่รู้จักกันทั่วไป
หว้า (Jambolan plum) ชื่อวิทยาศาสตร์ Syzygium cumini (L.) Skeels มีถิ่นกำเนิดในอินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นไม้ยืนต้นสูงประมาณ 10-20 เมตร ผลสุกมีสีม่วงคล้ำเกือบดำรสหวาน
ผลหว้ามีสรรพคุณเยอะมาก
ปัจจุบันลูกหว้าเป็นที่ต้องการของตลาด สามารถแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ได้หลายชนิด โดยส่วนมากจะเป็นเครื่องดื่ม ได้หลากหลายชนิด
หว้า เป็นไม้จากชมพูทวีป ก็คือทาง อินเดีย เนปาล ถึงปากีสถาน ชาวฮินดู เรียกว่า “จามาน หรือ จามูน” มีวางขายในตลาดสดของแถบนั้นมากมาย มีหลายเกรด หลายขนาด และหลายสายพันธุ์ เป็นที่นิยมรับประทานของชาวฮินดู และเข้าใจกันว่า หว้า เป็นผลไม้ 1 ใน 8 ชนิด ที่สามารถนำมาทำ “น้ำปานะ” สำหรับถวายพระสงฆ์ นักบวช ได้