
พอพูดถึงกระดังงา หลายต่อหลายคนต่างคิดว่า โอ้ย ไม้เลื้อย ไม่ที่ให้เลื้อยหรอก ต่อจากนี้ไปเราต้องทำความเข้าใจเสียใหม่น่ะครับ กระดังงา เป็นไม้ยืนต้น ซึ่งปัจจุบัน มีสายพันธุ์ที่เป็นเป็นที่รู้จักกันทั่วไปเช่น
-กระดังงาไทย : สูงได้ 8-15 เมตร ดอกมีกลิ่นหอม ช่วงตอนเช้าและตอนเย็น เป็นพันธุ์ที่นิยมนำดอกมาลนไฟใช้อบขนมให้มีกลิ่นหอม

-กระดังงาสงขลา : เป็นไม้พุ่มขนาดเล็กสูงเต็มที่ไม่เกิน 3 เมตร และไม่กินพ้นที่ ออกดอกง่ายสามารถให้ดอกได้ตั้งแต่ต้นขนาดเล็ก ดอกมีกลิ่นหอม ช่วงตอนเช้าและตอนเย็น นิยมนำดอกมาทำน้ำอบ น้ำหอม

-กระดังงาโนรี : เป็นสายพันธุ์ที่เกิดจากการผสมพันธุ์ ของกระดังงาไทย และ กระดังงาสงขลา ทำให้ได้สัดส่วนที่ลงตัวมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะเรื่องของกลิ่น จะหอมแรง ส่งกลิ่นหอมได้ไกล จัดเป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก สูงไม่เกิน 3 เมตร
ส่วนที่ดอกคล้ายกระดังงาจนทำให้ผู้คนสับสนว่ากระดังงาเป็นไม้เลื้อยนั้น มีชื่อว่า การะเวก หรือบางท้องที่เรียก กระดังงาเลื้อย นั่นเอง

สรุป กระดังงายืนต้น ที่เลื้อยๆนั่นเรียก การะเวกน่ะจ้ะ ทำความเข้าใจกันใหม่น๊า
มีลูกค้าถามถึงกระดังงาไทย ซึ่งปัจจุบันเริ่มหายากแล้วเพราะ มีพันธุ์ใหม่ออกมาแทนที่เยอะ แต่ก็มีบางอย่างที่ต้องใช้กระดังงาไทยถึงจะได้ผลลัพธ์ที่ออกมาดีที่สุด อย่างเช่น ขนมไทย ก็นิยมใช้กลิ่นหอมของกระดังงา มาปรุงแต่งให้มีเอกลักษณ์มากยิ่งขึ้น โดยการเด็ดกลีบดอกดอกกระดังงา นำมาลนเทียนอบให้หอม ใส่ขวดโหลปิดฝาให้สนิท นอกจากนี้ คนไทยโบราณเชื่อว่าบ้านใดปลูกต้นกระดังงาไว้ประจำบ้านจะช่วยทำให้มีชื่อเสียงโด่งดัง เนื่องจาก "กระดัง" คือการทำให้เกิดเสียงดังไปไกล นอกจากนี้ยังเชื่อด้วยว่า เสียงดังเหมือนกับนกการเวกในสมัยพุทธกาลที่มีเสียงดังไพเราะและก้องไกลทั่วสวรรค์ ดังนั้นบางคนจึงเรียกกระดังงาว่า การเวก คนไทยโบราณจะใช้ดอกกระดังงานำมาทอดกับน้ำมันมะพร้าวทำเป็นน้ำมันใส่ผม ดอกแก่จัดสด ๆ สามารถนำมารมควันเทียนหรือเปลวไฟจากเทียน เพื่อให้ต่อมน้ำหอมในกลีบดอกแตกออกและส่งกลิ่นหอมออกมา แล้วนำไปเสียบไม้ลอยน้ำในภาชนะปิดสนิท 1 คืน เก็บดอกทิ้งในตอนเช้า แล้วนำน้ำไปเป็นน้ำกระสายยา หรือนำไปคั้นกะทิ หรือทำเป็นน้ำเชื่อมปรุงขนมต่าง ๆ ดอกแห้งใช้ผสมกับดอกไม้หอมอื่น ๆ สำหรับทำบุหงา น้ำมันหอมใช้ปรุงเป็นน้ำหอมชั้นสูงที่มีราคาแพง ใช้ปรุงขนม น้ำอบ และอาหาร น้ำมันหอมระเหยที่สกัดมาจากดอก (Cananga oil หรือ Ylang-ylang oil) ถูกนำมาใช้ในทางสุคนธบำบัด (Aromatherapy) ใช้ผลิตเป็นเครื่องสำอาง หรือทำเป็นเครื่องหอมต่าง ๆ เปลือกสามารถนำมาทำเป็นเชือกได้
สรรพคุณของกระดังงา เปลือกต้นกระดังงา มีรสฝาดเฝื่อน มีสรรพคุณเป็นยาขับปัสสาวะ แก้ปัสสาวะพิการ แก้อาการท้องเสีย ใช้เป็นยารักษาโรคผิวหนัง กลากเกลื้อน เนื้อไม้กระดังงา มีรสขมเฝื่อน มีสรรพคุณเป็นยาขับปัสสาวะ แก้ปัสสาวะพิการ รากกระดังงา มีสรรพคุณเป็นยาคุมกำเนิด
ใบกระดังงา ใช้เป็นยารักษาโรคผิวหนัง กลากเกลื้อน แก้อาการคัน และใช้เป็นยาขับปัสสาวะ ดอกกระดังงา มีรสหอมสุขุม มีสรรพคุณแก้ลมวิงเวียน ใช้ปรุงเป็นยาหอม ใช้เป็นยาชูกำลัง ทำให้หัวใจชุ่มชื่น บำรุงธาตุ บำรุงโลหิต บำรุงหัวใจ แก้ไข้ แก้อาการอ่อนเพลีย กระหายน้ำ จัดอยู่ในเครื่องยาไทยที่เรียกว่า “พิกัดเกสรทั้ง 7” (สัตตะเกสร) และ “พิกัดเกสรทั้ง 9” (เนาวเกสร) ช่วยแก้อาการไข้เนื่องจากโลหิตเป็นพิษ และมีปรากฏในตำรายาแผนโบราณชื่อคัมภีร์มหาโชติรัตน์ ยาชื่อมาลาสันนิบาต ซึ่งมีสรรพคุณเป็นยาแก้ลมจุกคอ แก้อาการแน่นหน้าอก แก้จุกเสียดและแก้สะอึก เกสรกระดังงา มีสรรพคุณเป็นยาแก้ร้อนใน กระหายน้ำ ช่วยเจริญอาหาร และใช้แก้โรคตา น้ำมันหอมระเหย มีสรรพคุณเป็นยาขับลม ฆ่าเชื้อโรค ช่วยบำรุงประสาท สงบประสาท แก้อาการซึมเศร้า กระวนกระวายใจ แก้หอบหืด ช่วยลดความดันโลหิต
ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของกระดังงา กระดังงาไทยมีฤทธิ์ลดความดันโลหิต ฆ่าเซลล์มะเร็ง ต้านเชื้อแบคทีเรีย ต้านเชื้อรา ยีสต์ ไล่แมลง เป็นเครื่องหอม แก้อาการหัวใจเต้นเร็ว หายใจหอบ ความดันโลหิตสูง มีปัญหาระบบทางเดินอาหาร ใช้สงบประสาท ลดไข้